ข่าวสารต่าง ๆ แสดงถึงโอกาสดี ๆ ในการทำกำไรสำหรับเทรดเดอร์ Forex เมื่อพูดถึงข่าวแล้ว เราหมายถึงการเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ ประเทศเศรษฐกิจหลัก ๆ ทุกแห่งจะจัดทำสถิติอยู่เป็นประจำ เช่น GDP, อัตราเงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน ฯลฯ หากคุณซื้อขาย Forex ในช่วงเวลาที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ คุณก็จะมีโอกาสจับความผันผวนของราคาและทำกำไรได้
อย่างไรก็ตาม เราต้องขอเตือนคุณว่ากำไรก้อนโตมักมาพร้อมความเสี่ยงที่สูงกว่าเสมอ ความผันผวนจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาเหล่านี้ หากคุณไม่มีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนสำหรับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง การไม่เข้าร่วมซื้อขายใด ๆ เลยก็จะเป็นการดีกว่า แล้วรอเข้าซื้อขายในช่วงเวลาที่ตลาดสงบกว่านี้
ในบทช่วยสอนนี้ เราจะไปเจาะลึกเกี่ยวกับข่าวการซื้อขายและข่าวเศรษฐกิจกัน
วิธีการอ่านปฏิทินเศรษฐกิจ
ตลาดมีแนวโน้มที่จะสะท้อนราคาตามแนวโน้มของเศรษฐกิจ ตามหลักการทั่วไป การเติบโตทางเศรษฐกิจหมายถึงความมั่งคั่งในอนาคต ซึ่งเท่ากับการที่สกุลเงินของประเทศแข็งค่าขึ้น เทรดเดอร์มองหาการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของราคาเหล่านี้ในการเติบโตทางเศรษฐกิจ (ข่าวเศรษฐกิจในเชิงบวก) เนื่องจากมักจะมอบโอกาสในการกระโจนเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น ในทางตรงกันข้าม รายงานทางเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจมีการชะลอตัวจะส่งผลให้ค่าเงินของประเทศอ่อนค่าลง
ปฏิทินเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ลักษณะโครงสร้างของมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจะแสดงอยู่ในตารางตามช่วงระยะเวลาที่เลือก คุณจะเห็นคอลัมน์ข้อมูลสามคอลัมน์ถัดจากตัวชี้วัดเฉพาะ: ตัวเลขก่อนหน้า ตัวเลขคาดการณ์ และตัวเลขจริง ก่อนที่จะมีประกาศเผยแพร่ออกมา ปฏิทินจะประกอบด้วยเฉพาะตัวเลขก่อนหน้าและตัวเลขคาดการณ์เท่านั้น ตัวเลขจริงจะปรากฏในเวลาที่ประกาศเผยแพร่ออกมา
การคาดการณ์ที่เรียกกันว่าการคาดการณ์ "ฉันทามติ" เป็นความคาดหวังของตลาด (ธนาคารและนักลงทุนรายใหญ่) หากตัวเลขจริงออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ สกุลเงินจะแข็งค่าขึ้น สกุลเงินมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงหากตัวเลขจริงออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
ในกรณีส่วนใหญ่คำว่า "ดีกว่า" หมายถึง สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคำว่า "แย่กว่า" หมายถึง ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม กฎนี้มีข้อยกเว้นหลายประการ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและอัตราการว่างงาน ยิ่งตัวบ่งชี้เหล่านี้ต่ำลง ก็จะยิ่งดีต่อสกุลเงินดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
โปรดสังเกตว่าตัวเลขที่ใกล้เคียงกับระดับการคาดการณ์มักจะมีผลกระทบเล็กน้อย ยิ่งความแตกต่างระหว่างตัวเลขจริงและตัวเลขคาดการณ์มีมากเท่าไร ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ตัวเลขก่อนหน้านี้ไม่สำคัญเท่ากับตัวเลขคาดการณ์
เคล็ดลับสำคัญ
จงโฟกัสไปที่ข่าวที่สำคัญที่สุดที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดมากที่สุด
รอให้ประกาศของข่าวที่เลือกเผยแพร่ออกมาก่อน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปสู่การซื้อขายตามแผนที่วางไว้
โปรดจำไว้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดต่อข่าวที่เผยแพร่มักจะกินเวลาตั้งแต่ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง
หากการใช้เหตุผลด้านปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณล้มเหลว และปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดต่อข่าวไม่ตรงกับความคาดหวังของคุณ อย่าไปต่อต้านตลาด เพราะตลาดนั้นถูกเสมอ
อย่ารีบเข้าสู่การซื้อขาย รอสัญญาณที่แข็งแกร่งและการยืนยันที่ชัดเจน
ทีนี้ เรามาศึกษาสามกลยุทธ์ที่คุณสามารถใช้เพื่อซื้อขายตามข่าวกันดีกว่า
กลยุทธ์หนังสติ๊ก
ก่อนที่จะเปิดสถานะใด ๆ ให้ระบุแนวรับและแนวต้านเสียก่อน พวกมันคือ "จุดตัด" ของคุณ คุณสามารถปิดสถานะที่ระดับเหล่านี้ได้ หากราคาขยับสวนกับที่คุณต้องการ กำหนดระยะ Stop Loss ก่อนที่ข่าวจะเผยแพร่
เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงของการประกาศข่าวที่มีความผันผวนสูง คุณสามารถดำเนินการดังต่อไปนี้ได้ เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าบนกราฟ H1 ราคาอยู่ต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 10 จุด ให้วางคำสั่ง BUY STOP ไว้เหนือระดับสำคัญนั้น 10 จุด ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับกำไรจากการกลับตัวของตลาดหลังจากการแกว่งตัวในช่วงแรก
เช่นเดียวกับสถานะ short (สถานะขาย):เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าบนกราฟ H1 ราคาอยู่เหนือแนวต้านสำคัญ 10 จุด ให้วางคำสั่ง SELL STOP ต่ำกว่าระดับสำคัญนั้น 10 จุด
หากราคาขยับไปในทิศทางที่คุณต้องการ แต่คุณไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะดำเนินไปนานเท่าใด คุณอาจต้องค่อย ๆ ทยอยออก (scale out) จากสถานะของคุณ (ทยอยปิดสถานะบางส่วน) หากราคายังคงเป็นดำเนินไปในทิศทางเดิม คุณสามารถปิดการซื้อขายบางส่วนทุก ๆ 50-100 จุด หรือวาง Trailing Stop
การซื้อขายตามความคาดหวัง
แนวคิดนี้ตรงไปตรงมามาก มันคือ การซื้อข่าวลือ ขายข่าวจริง คุณควรเข้าใจความเชื่อมั่นของตลาดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินหนึ่ง ๆ และสถานะที่เปิดตามทิศทางของความเชื่อมั่นนี้
ความเชื่อมั่นในระยะสั้นถูกกำหนดโดยข่าวเศรษฐกิจ หากผู้เข้าร่วมตลาดคาดหวังว่าตัวเลขที่ออกมาจะสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ พวกเขาจะพิจารณาเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น หากผู้เข้าร่วมตลาดตั้งตารอให้ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนของ AUD จะเพิ่มขึ้นก่อนการประชุมของธนาคาร (การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เป็นไปได้จะสะท้อนถึงราคาตลาดไปเรียบร้อยแล้วเมื่อประชุมของ RBA เกิดขึ้นจริง) เมื่อ RBA ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ผู้เข้าร่วมตลาดเหล่านั้นที่พร้อมสำหรับการพลิกสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะเริ่มขาย AUDUSD และคู่นี้อาจร่วงลงหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เพื่อให้ลงมือในสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้น คุณจะต้อง
ติดตามข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและการเผยแพร่ทางเศรษฐกิจ
ติดตามข่าวเศรษฐกิจล่าสุดและเฝ้าดูปฏิกิริยาของตลาด
รู้ความสัมพันธ์ระหว่างข่าวต่าง ๆ (เช่น ยอดค้าปลีกอาจส่งผลต่อ GDP, PPI และ CPI อย่างไร หากยอดค้าปลีกออกมาสูงเกินความคาดหมายของตลาด เราอาจรอการเผยแพร่ตัวเลข GDP ที่แข็งแกร่ง)
การซื้อขายตามการพุ่งอย่างแรง
กลยุทธ์นี้สามารถนำไปใช้ได้เมื่อซื้อขายข่าวสำคัญหรือข่าวเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (การจ้างงานนอกภาคการเกษตร - NFP) มันเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางสถิติที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่เผยแพร่โดยสำนักสถิติแรงงาน โดยจะวัดจำนวนตำแหน่งงานที่สร้างขึ้นในภาคนอกภาคการเกษตรในสหรัฐอเมริกาในหนึ่งเดือน โดยปกติ NFP จะประกาศในทุกวันศุกร์แรกของทุกเดือน
การจ้างงานนอกภาคการเกษตรอาจทำให้เกิดความผันผวนอย่างมากในกราฟ นั่นเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์จำนวนมากเลือกที่จะรอให้ตลาดสงบลงเสียก่อน (พวกเขาไม่รีบเข้าสู่การซื้อขายทันทีหลังจากที่ประกาศเผยแพร่ออกมา) และซื้อขายเมื่อพวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของข่าวที่ออกมาได้ดีแล้ว
สิ่งที่คุณควรทำก่อนการประกาศ
สังเกตช่วงที่คู่สกุลเงินกำลังซื้อขายอยู่ในขณะปัจจุบัน จากนั้น 5 นาทีก่อนการประกาศ วางคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าสองคำสั่ง (BUY STOP – 150 จุด เหนือราคาปัจจุบัน และ SELL STOP – 150 จุด ใต้ราคาปัจจุบัน)
วางคำสั่ง Take Profit 300-450 จุด ที่ด้านบนและด้านล่างของราคาปัจจุบัน คุณสามารถวาง Stop Loss ของคุณที่ราคาปัจจุบันหลังจากที่หนึ่งในคำสั่งซื้อขายของคุณเปิดขึ้น
ในกรณีที่ผลลัพธ์ออกมาดี คุณสามารถปิดคำสั่งซื้อขายแบบได้กำไรได้ (อย่าลืมยกเลิกคำสั่งซื้อขายอีกอัน) หากคุณโชคดี คุณสามารถสร้างรายได้จากการเดิมพันทั้งสองของคุณ (หากราคาเปลี่ยนทิศทางและพุ่งขึ้นก่อนที่จะร่วงลง หรือร่วงลงก่อนที่จะพุ่งขึ้น)
หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง: เปิดคำสั่งซื้อขายแรกแต่ไปไม่ถึงจุด Take Profit จากนั้นราคาจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม โดยเปิดคำสั่งซื้อขายอีกอันด้วย แต่จะไม่ถึงระดับ Take Profit เช่นกัน หากคุณตั้ง Stop Loss ไว้ ความเสี่ยงของคุณก็จะถูกจำกัด
