ภาพรวมตลาด
ราคาน้ำมันดิบกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งล่าสุดทางการจีนได้ตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 34% ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ และยังมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มประเทศในยุโรปจะดำเนินตามรอยสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวได้สร้างความกังวลอย่างกว้างขวางว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุปสงค์พลังงานทั่วโลก ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง ทั้งนี้ การประกาศภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งศตวรรษ ยิ่งตอกย้ำความเสี่ยงที่โลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาน้ำมัน
ขณะเดียวกัน การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ ที่เลือกเพิ่มการผลิตเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในเดือนพฤษภาคม ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านอุปทานให้กับตลาดน้ำมัน โดยประเทศสมาชิกหลักอย่างซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และอิรัก เตรียมปรับเพิ่มกำลังการผลิตรวมกันถึง 411,000 บาร์เรลต่อวัน โดยให้เหตุผลว่า แนวโน้มตลาดยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณว่าความต้องการพลังงานอาจเริ่มชะลอตัวในระยะถัดไป การปรับเพิ่มอุปทานดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง Brent และ WTI ร่วงลงทันทีมากกว่า 5% ภายในวันเดียว แม้ทาง OPEC จะระบุว่ายังสามารถทบทวนและปรับเปลี่ยนนโยบายได้หากสภาวะตลาดเปลี่ยนไป แต่ในบริบทที่อุปทานส่วนเกินกำลังจะเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงของภาวะอุปทานล้นตลาดก็มีแนวโน้มจะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ รายงานล่าสุดจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ยังแสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในสัปดาห์เดียวมีการเพิ่มขึ้นอีกกว่า 6 ล้านบาร์เรล และนับตั้งแต่ต้นปีมีการสะสมเพิ่มขึ้นแล้วเกือบ 23 ล้านบาร์เรล ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการใช้น้ำมันในประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน สต็อกน้ำมันเบนซินก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีอีกด้วย เมื่อพิจารณาจากภาพรวมที่มีทั้งความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า การชะลอตัวของอุปสงค์ และการเพิ่มขึ้นของอุปทานอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิต ราคาน้ำมันจึงยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันในระยะถัดไป และมีความเป็นไปได้ที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง หากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาสร้างสมดุลให้ตลาดได้อย่างเพียงพอ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
XBRUSD
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงปรับตัวลงอย่างชัดเจนและรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาหลุดกรอบแนวรับสำคัญสีแดงลงมา ซึ่งเป็นระดับที่เคยมีแรงซื้อเข้ามาหนุนหลายครั้งในอดีต การหลุดระดับนี้ลงมาได้ถือเป็นสัญญาณยืนยันว่าโมเมนตัมขาลงยังคงแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มจะนำไปสู่การเทขายต่อเนื่องในระยะกลางถึงระยะยาว หากพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ค่า RSI ล่าสุดปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 30.18 ซึ่งอยู่ในเขต Oversold สะท้อนถึงแรงขายที่รุนแรง และแม้อาจมีแรงดีดกลับในระยะสั้น แต่ภาพรวมยังคงเป็นขาลง โดยเฉพาะเมื่อ MACD ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นสัญญาณ และแท่งฮิสโตแกรมในแดนลบขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตอกย้ำโมเมนตัมเชิงลบอย่างชัดเจน ทั้งนี้ แนวรับถัดไปที่ควรจับตาคือบริเวณ 59.35 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญในระยะถัดไป ขณะที่แนวต้านในฝั่งบนอยู่ที่ 73.06 ดอลลาร์ ซึ่งหากราคาปรับขึ้นไปทดสอบระดับดังกล่าว ก็ยังมีโอกาสที่จะเผชิญแรงขายกลับลงมาอีกครั้งได้เช่นกัน
XBRUSD, DAILY
XTIUSD
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงปรับตัวลงอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดราคาหลุดกรอบราคาสีแดงลงมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งระดับนี้เคยเป็นจุดที่ราคามีแรงซื้อกลับเข้ามาหลายครั้งในอดีต แต่เมื่อแนวรับนี้ถูกทะลุผ่านลงมาได้สำเร็จ ก็ส่งผลให้แรงกดดันฝั่งขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจนำไปสู่การเร่งเทขายในระยะถัดไป สำหรับตัวชี้วัด RSI ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 29.91 ซึ่งอยู่ในเขต Oversold เช่นเดียวกับเบรนท์ สะท้อนถึงแรงขายที่เข้มข้น ขณะที่ค่า MACD ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นสัญญาณ และแท่งฮิสโตแกรมในแดนลบยังขยายตัวต่อเนื่อง แสดงถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังไม่สิ้นสุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แนวรับสำคัญต่อไปที่นักลงทุนควรจับตาคือบริเวณ 55.69 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นระดับที่ตลาดอาจมีการทดสอบในระยะกลางถึงระยะยาว ขณะที่แนวต้านสำคัญในระยะสั้นถึงกลางยังคงอยู่ที่บริเวณ 75.14 ดอลลาร์ ซึ่งหากราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกแรงขายกดดันให้ย่อตัวลงมาอีกครั้งเช่นกัน
XTIUSD, DAILY
